Stargate Railway Station

Stargate Railway Station Overview แดเนี่ยล แจ็คสัน นักโปราณคดีหนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องอักษรภาพอียิปต์โบราณ ได้ตอบรับคำเชิญของหญิงชราลึกลับ ในการถอดรหัสอักษรภาพปริศนาที่ปรากฎอยู่บนสิ่งก่อสร้างโบราณซึ่งขุดค้นพบในอียิปต์ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เขากำลังจะค้นพบจะนำมาซึ่งการเดินทางข้ามจักรวาลผ่าน "สตาร์เกท" หรือประตูที่เชื่อมต่อระหว่างดวงดาว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวทิ้งไว้บนโลกมนุษย์ในอดีตเมื่อหลายพันปีมาแล้ว โดยมีผู้พัน แจ็ค โอนีล เป็นผู้นำการสำรวจผ่านสตาร์เกท ไปยังดวงดาวอันไกลโพ้นที่มีพิกัดตั้งอยู่ในกาแล็คซี่กาเลี่ยม (kaliem galaxy การเดินทางครั้งนี้ คณะสำรวจได้พบกับชนพื้นเมืองซึ่งเป็นมนุษย์โลกจับมาใช้เป็นทาสแรงงาน ที่ถูกมนุษย์ต่างดาวซึ่งเปรียบเสมือน "รา" พระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ การต่อสู้ของแจ็คสันและโอนีลเพื่อหาทางกลับโลก และปลดปล่อยเหล่ามนุษย์ที่ตกเป็นทาสของมนุษย์ต่างดาวจะสำเร็จหรือไม่ Roland Emmerich Director, Screenplay Dean Devlin Screenplay กองกำลังเอสเปอร์! 'สตาร์เกท' โครงการลับของอเมริกา ( สร้างหนัง) ระครนครับ ที่หวังสร้างหน่วยพลังจิตเพื่อใช้ตาทิพย์ล้วงข้อมูลข้าศึก โครงการสตาร์เกท (Project Stargate) เริ่มเปิดโครงการครั้งแรกในปี 1978 ที่ฐานทัพในรัฐแมรีแลนด์ เป็นโครงการลับสุดยอดภายใต้การดูแลของหน่วยข่าวกรองฝ่ายกลาโหมสหรัฐฯ (DIA) มีวัตถุประสงค์ในตามหาบุคคลที่เชื่อว่ามีพลังเหนือธรรมชาติหรือมีพลังจิตมาใช้ประโยชน์ทางการทหารอย่างจริงจังอยู่หลายสิบปีเลยทีเดียว โดยก่อนหน้านี้ในช่วงปี 1970 หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลมาว่าทางโซเวียตได้เปิดโครงการพัฒนาเกี่ยวกับ “พลังจิต” ขึ้นและได้หันมาสนใจเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างจริงจัง ทำให้ทางสหรัฐฯ เร่งทำการศึกษาเกี่ยวกับพลังจิตอย่างจริงจัง ต่อมารัฐบาลสหรัฐฯ จึงมอบงบประมาณก้อนโตมาให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทำการจัดตั้งและเฟ้นหาผู้มีพลังจิตมาเข้าโครงการเพื่อใช้ในทางการทหารอย่างเป็นทางการ ต่อมาเมื่อโครงการนี้เปิดขึ้นมนุษย์ที่มีพลังจิตก็ถูกเชิญให้เข้าร่วมให้เข้ามาร่วมในโครงการนี้ หนึ่งในนั้นคือ Uri Geller นักทำนายชาวอิสราเอล ที่ถูกนำตัวมาทดสอบที่ศูนย์วิจัยสแตนฟอร์ด แต่เพื่อความแม่นยำเจ้าหน้าที่ได้ทำการทดสอบพลังจิตของ Uri โดยการให้วาดภาพ เหมือนภาพที่เตรียมเจ้าหน้าที่เตรียมเก็บไว้อยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่ง Uri Geller ก็สามารถวาดได้ใกล้เคียงอย่างไม่น่าเชื่อทำให้เขาได้เป็นหนึ่งในโครงการสตาร์เกท กลุ่มผู้มีพลังจิตหลายคนถูกนำมาใช้เพื่อบอกสถานที่อยู่ห่างไกล หรือ ฐานทัพของฝ่ายข้าศึกในช่วงสงครามเย็นหลายครั้ง หนึ่งผู้มีพลังจิตของโครงการนี้เคยอ้างว่า เขาเห็นสิ่งก่อสร้างบนดาวอังคารและดวงจันทร์ที่ไม่รู้จักตั้งอยู่ด้วย แม้จะดูเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่โครงการนี้ก็ยังเคยถูกนำมาใช้บอกฐานทัพและกับดักของฝ่ายข้าศึกในสงครามเวียดนามมาแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อความเชื่อและกำลังใจของทหารอเมริกันอย่างมาก และภารกิจต่างๆ ของทหาร ใช้ในสำหรับสอดส่องแหนมชาติๆ ด้วยหน่วยพลังจิตนี้มาตลอดหลายปี ก่อนถูกโยกอำนาจการดูแลให้กับหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ (CIA) ดูแลต่อ ต่อมา หนึ่งในอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่เคยร่วมโครงการสตาร์เกท ได้ออกมาแฉเรื่องราวของหน่วยพลังจิตที่รัฐบาลสหรัฐฯ สร้างขึ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก แม้ในตอนแรกจะมีเพียงบางกลุ่มที่เชื่อว่าโครงการนี้เคยมีอยู่จริงๆ แต่ด้วยหลักฐานเกี่ยวกับโครงการนี้มีน้อยมาก จนกระทั่งในปี 1995 หลังเจ้าหน้าที่ CIA ได้ทำการประเมินผลงานของโครงการนี้อย่างจริงจัง พวกเขาพบว่ามันไม่ได้สร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เลย โครงการสตาร์เกทจึงถูกยุบไปในที่สุด และเอกสารของโครงการดังกล่าวก็ถูกนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะในปีเดียวกันนั้น ตามข้อบังคับการเผยแพร่ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อประชาชนในปีเดียวกันนั้นเอง รถไฟหายเข้าไปในอุโมงค์อย่างลึกลับถึง ๔๒ ปี... จู่ๆโผล่ออกมาทุกคนอายุเท่าเดิม... ...เรื่องประหลาดนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลพากันปิดปากเงียบ ที่ขบวนรถด่วน ขบวนหนึ่งพร้อมกับผู้โดยสารหายลึกลับอย่างไร้ร่องรอย ขณะเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ แล้วจู่ๆโผล่ออกมาอีกในสภาพเดิมทุกอย่าง เมื่อต้นปีนี้คือ พ.ศ.๒๕๓๕... ...ที่ประหลาดยิ่งขึ้น ผู้โดยสารจำนวน ๑๒๐ คน และพนักงานประจำรถ ๓ คน มีอายุเท่ากับวันที่หายเข้า ไปในอุโมงค์ไม่มีใครแก่อายุมากขึ้นสักวันเดียว รูปร่างเหมือนเดิมทุกอย่าง และพวกเขายังเชื่อว่า... ทุกวันนี้ยังเป็น พ.ศ. ๒๔๙๒ อยู่... ...รัฐบาลอิตาลีเก็บเรื่องนี้เงียบที่จะพูดถึงขบวนรถด่วนหมายเลข เอฟ ๖๒๖ และยังไม่ยอมพูดถึงว่า... เอาขบวนรถนั้นไปไว้ที่ไหนด้วย ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ยังคอยจับตาผู้โดยสารทุกคนเว้นแต่มี ๒ คน... ที่เป็นชาวต่างประเทศหลบหนีการสอบสวนไป ส่วนพนักงานประจำรถ ๓ คน รัฐบาลได้เก็บตัวไว้ใน... สถานที่หนึ่ง ไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชน... ...ข่าวการหายไปของขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ หายลึกลับไป ๔๒ ปี และโผล่กลับมาอีกนั้น แม้ว่าทาง การ พยายามปิดข่าว แต่หนังสือพิมพ์อิตาลีเกือบทุกฉบับสามารถที่จะติดตามมาเสนอได้ พยานทีได้ รับทราบเหตุการณ์ครั้งนี้เผย ตั้งแต่เริ่มต้นที่ขบวนรถด่วนนี้มีด้วยกัน ๑๓ โบกี้ หายเข้าไปในอุโมงค์... รถไฟที่มีความยาว ๑ ใน ๔ ไมล์อย่างลึกลับไม่ยอมโผล่ออกไปอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงปิดอุโมงค์ทำ การค้นหา ซึ่งมีทั้งตำรวจและ นักวิทยาศาสตร์ โดยได้ค้นทุกตารางนิ้ว แต่ไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อยว่า มันหายไปได้อย่างไร รางถึงกับรื้อออกแล้วนำมาวางใหม่ เมื่อค้นหากันไม่พบทำให้หลายคนเชื่อว่า... มนุษย์ต่างดาวได้ทำการโจรกรรมโขมยรถด่วนนี้ไป ตามรายงานของ นสพ.อุโมงค์ได้เปิดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปี ๒๔๙๓ ตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีขบวนรถไฟผ่านไปมาเป็นพันขบวนก็ไม่มีอุบัติเหตุอันแปลก... ประหลาดลี้ลับนั้นเกิดขึ้นอีกเลย... ...แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ก็มีคนพยายามค้นหาขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ แต่ก็พบว่า มีแต่ความว่างเปล่า บางคนถึงกับสรุปว่า รถขบวนนี้ถูกหุ้มห่อด้วยกาลเวลาและเดินทางไปสู่อนาคตอัน ไกลพ้น... เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสหรัฐ เรืออินเซอร่า ซึ่งเป็นเรือคุ้มครองเรือประจัญบานของกองทัพเรือสหรัฐ จู่ๆก็หายอย่างลึกลับจากอู่เรือที่ฟิลาเดลเฟียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่แล้วจู่ๆก็ไปปรากฏตัวที่ ฐานทัพเรือนอร์ฟอร์ด ซึ่งทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้... ...เมื่อรัฐบาลปิดข่าว หนังสืออิตาลีก็พยายามที่จะขุดค้นออกมา ในที่สุดหนังสือพิมพ์โรมเดลี่ที่ขายดีมาก สามารถไปคว้าเอาเทปมาริโอ ฟรานซินี ช่างเครื่องรถไฟขบวนนี้มาตีแผ่ได้ ซึ่งมีดังนี้... "ขณะที่ขบวนรถเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์นั้น ไม่นานนักก็มีหมอกสีขาวหนาลอยฟ่อง สมองรู้สึกปั่นป่วนไป หมด จากนั้นก็หมดสติไม่รู้สึกตัว มาได้สติอีกครั้งหนึ่งเมื่อขบวนรถได้ออกจากอุโมงค์แล้ว เราคิดว่าเวลา คงจะห่างกันไม่ถึงนาทีดี แต่ที่ไหนได้ เมื่อขบวนรถเรากลับมาถึงสถานีโบล้อคน่าถึงได้ทราบว่า ได้ห่างกัน ถึง ๔๒ ปี นี่คือสิ่งเดียวที่เรารู้ " ...ผู้โดยสารอื่นๆก็ให้การคล้ายคลึงกันว่า มีหมอกลงจัดเมื่อเวลาเข้าอุโมงค์แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย... ...ผู้โดยสารขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ ๒ คน ที่หลบการให้การคือ อดอล์ฟ โรเนอร์ เป็นชาวเยอรมันกับมาร์ติน บาร์ตเลตต์ ชาวแอฟริกาใต้ สำหรับโรเนอร์มีนักข่าวอิตาลีได้โทรศัพท์ไป... หลอกถาม โดยอ้างว่าเป็นผู้โดยสารรถด่วนนั้นด้วยกัน... ...โรเนอร์ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตอนที่เขาหายไปพร้อมกับขบวนรถไฟนั้นเขาอายุ ๓๐ ปี มีลูกชายอายุ ๑๐ ขวบ " เดี๋ยวนี้ลูกชายผมอายุ ๕๒ ปีแล้ว อ้วนและเป็นโรคหัวใจ ส่วนภรรยาผมก็ย่างเข้า ๗๐ ปีแล้ว กำลังเป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมกลับอายุเพียง ๓๐ ปี เท่านั้น เท่ากับเมื่อปี ๒๔๙๒ ... ...เรื่องราวเหล่านี้เป็นความลึกลับของโลกที่อธิบายได้ยาก ซับซ้อน น่าอัศจรรย์ใจ ต่อผู้ที่ได้รับฟัง เป็นอย่างยิ่ง... ...และเรื่องนี้นับว่าเป็นปริศนาอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ชวนติดตาม สืบเสาะ ค้นหาที่มาความเป็นมา เป็นไป...สวัสดีครับ...

ความคิดเห็น

  1. Overview
    แดเนี่ยล แจ็คสัน นักโปราณคดีหนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องอักษรภาพอียิปต์โบราณ ได้ตอบรับคำเชิญของหญิงชราลึกลับ ในการถอดรหัสอักษรภาพปริศนาที่ปรากฎอยู่บนสิ่งก่อสร้างโบราณซึ่งขุดค้นพบในอียิปต์ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เขากำลังจะค้นพบจะนำมาซึ่งการเดินทางข้ามจักรวาลผ่าน "สตาร์เกท" หรือประตูที่เชื่อมต่อระหว่างดวงดาว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวทิ้งไว้บนโลกมนุษย์ในอดีตเมื่อหลายพันปีมาแล้ว โดยมีผู้พัน แจ็ค โอนีล เป็นผู้นำการสำรวจผ่านสตาร์เกท ไปยังดวงดาวอันไกลโพ้นที่มีพิกัดตั้งอยู่ในกาแล็คซี่กาเลี่ยม (kaliem galaxy การเดินทางครั้งนี้ คณะสำรวจได้พบกับชนพื้นเมืองซึ่งเป็นมนุษย์โลกจับมาใช้เป็นทาสแรงงาน ที่ถูกมนุษย์ต่างดาวซึ่งเปรียบเสมือน "รา" พระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ การต่อสู้ของแจ็คสันและโอนีลเพื่อหาทางกลับโลก และปลดปล่อยเหล่ามนุษย์ที่ตกเป็นทาสของมนุษย์ต่างดาวจะสำเร็จหรือไม่

    Roland Emmerich

    Director, Screenplay

    Dean Devlin

    Screenplay

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น