โครงการ ซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ (ภาคเอกชน )การลงทุนในกิจการของรัฐ เพื่อสมาชิกสหกรณ์และประชาชนชาวไทยผู้ยากไร้ (ตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง) โดย ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี

บริหารการโครงการและพัฒนาธุรกิจการก่อสร้าง โดย ดร.สมัย เหมมั่น ประธานโครงการกรรมการบริหาร
โครงการ ซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน เพื่อสมาชิกสหกรณ์และประชาชนชาวไทยผู้ยากไร้ (ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)
โครงการนี้จัดทำเพื่อกลุ่มเป้าหมายของสมาชิกที่ชัดเจน คือเพื่อสมาชิกสหกรณ์ฯและประชาชนชาวไทยผู้ยากไร้ และข้าราชการบำนาญทุกหน่วยงานพร้อมด้วยประชาชนทั่วไป เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ สูงไม่เกิน 8 ชั้น สถานที่ก่อสร้างตั้งโครงการอยู่ ใน 77 จังหวัด จำนวน 800 unit ต่อโครงการ จำหน่ายราคาเริ่มต้น .8 ล้านบาท ถึง 2.5 ล้านบาท พื้นที่ ห้อง 30 ตารางเมตรถึง 60 ตารางเมตร และบริการฟรีให้กับผู้ด้อยโอกาสที่ขาดการดูแล อีก 20% สุทธิ การบริการนิติบุคคล ประกอบไปด้วย ศูนย์รักษาสุขภาพ และ นันทนาการ 20 กิจกรรม ให้บริการสำหรับผู้สูงวัย ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน และได้รับการสนับสนุนการประกอบกิจการในกิจการของรัฐ ตาม นโยบายของภาครัฐ ประจำปี 2558
กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ออกหนังสือการสนับสนุน ที่ 4040/3149 และได้ทำหนังสือถึงสำนักงานการเคหะแห่งชาติ เลขที่ 4040/ 14323 เพื่อร่วมกันหาแนวทางการทำงานร่วมกันในการลงทุนในกิจการของรัฐภาคเอกชน พร้อมทั้งนี้กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้มอบคู่มือการวิธีการให้บริการ ตามนโยบายภาครัฐที่ได้มาตาฐานในการทำงาน ตาม พรบ.ส่งเสริมการลงทุน พร้อมรายชื่อประชาชนที่มีความต้องการจะอยู่อาศัยในโครงการของภาครัฐ ที่ลงทะเบียนไว้กับ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการทางสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และ สำนักงานกิจการ ที่อยู่ในการดูแลของ กรมกิจการผู้สูงอายุ ของประเทศไทย เชิญประชุมร่วมกัน ตามเอกสารแนบท้ายมานี้
ดร. สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โดยมีผลงานในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยบริษัทฯ เป็นผู้ประกอบกิจการในจังหวัดนครปฐม และได้เล็งเห็นว่ารัฐบาลกำลังผลักดันและดำเนินโครงการประชารัฐด้านต่างๆเป็นจำนวนมาก บริษัทฯจึงมีความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเฉพาะด้านโดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย จึงเขียนโครงการ ซี่เนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน เพื่อลงทุนในกิจการของรัฐ ตาม พรบ.ส่งเสริมการลงทุน ปี 2558 และได้ร่วมประชุม ศึกษาหาแนวทางการลงทุนและขอสนับนุการลงทุนในกิจการของภาครัฐ 2558 ต่อ หน่วยงานของรัฐ ผ่านกรมกิจการผู้สูงวัย ผ่านท่าน อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุ ในเวลานั้น และได้รับหนังสือตอบรับตลอดจน รายชื่อผู้มีความประสงที่จะอยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว ซึงมีจำนวนมาก และได้ขอการสนับสนุนจำนวนสมาชิกที่สนใจต่อโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน ถึงสำนักงานสหกรณ์บริการต่างๆและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จังหวัดนครราชศรีมาและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพชรบูรณ์ ในพื้นที่ โครงการ เพื่อเป็นการวางแผนการอยู่อาศัย ในวัยชราที่สามารถฟื้นฟูคุณภาพชีวิตที่ดีถูกลักษณะการอยู่อาศัยที่ดี ตามนโยบายของรัฐบาล ปี 2558
ลักษณะโครงการ ประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุ Active เปิดบริการจำนวน 350- 880 unit ส่วนที่ 2 เป็นที่พัก บริการผู้สูงอายุ เนอร์สซิ่งโฮม และศูนย์สุขภาพ ส่วนที่ 3 เป็น Compact จัดไว้ สำหรับผู้สูงอายุ Active สามารถรองรับ สมาชิกได้ถึง 800-1,600 คน
บริหารการจัดการโดย ดร.สมัย เหมมั่น ผู้ได้รับนโยบายจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯกรมกิจการผู้สูงอายุ พร้อมคู่มือการบริการ ที่ทันสมัยและพร้อมให้บริการแบบมืออาชีพ ภาคเอกชนร่วมกันเปิดโครงการก่อสร้างบ้านเพื่อผู้สูงวัยหลังเกษียณอายุ ของสมาชิกครูและข้าราชการบำนาญ การจัดการโครงการมีการลงทุนการก่อสร้างมีหลักการคัดเลือกสรรหาที่ดินในการก่อสร้างดังนี้ 1.การใช้พื้นที่ของรัฐบาลโดยการ ขอใช้พื้นที่ของรัฐบาลผ่าน กรม ธนารักษ์,ที่ดินราชพัสดุ,ที่ดินของหน่วยงาน กรมป่าไม้ เพื่อการเช่าระยะยาวทำโครงการ 2.การใช้พื้นที่ ของสำนักงานการเคหะแห่งชาติหรือ พื้นที่นิติบุคคล เช่น สหกรณ์บริการต่างๆหรือสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยการขอจัดซื้อระหว่างหน่วยงานโดยการทำข้อตำลงต่างๆร่วมกัน 3.การใช้ที่ดิน ของเอกชนโดยการจัดซื้อที่ดินทำโครงการดังกล่าว
แผนงานการก่อสร้าง แบ่งเป็น 5 ระยะ
ระยะที่ 1 แผนงาน สร้างโมเดล โครงการ 6 จังหวัด ดังนี้ 1.จังหวัดราชบุรี จำนวน 880 หน่วย ตำบล หินกอง อำเภอ เมือง จังหวัด ราชบุรี (โครงการซีเนี่ยร์คอทเพล็กซ์ประชารัฐ ภาคเอกชน เมืองราชบุรี ไทยเพิ่มสุข ) บริหารงานการก่อสร้างโดย บริษัท บัลลังค์สรณ์ (1) จำกัด โดย ดร.สมัย เหมมั่น ประธานโครงการและกรรมการบริหารฯและนาง เพ็ญศิริ อมาตยกุล กรรมการบริหารบริษัทฯ มายโอโซไทยเพิ่มสุข 2.จังหวัด เพชรบูรณ์ จำนวน 800 หน่วย อำเภอ หล่มสัก , อำเภอ หล่มเก่า , อำเภอ เขาค้อ จังหวัด เพชรบูรณ์ (ซีเนี่ยร์คอมเพล็ก เพื่อสมาชิก สหกรณ์ ฯข้าราชการและประชาชนทั่วไป) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ 3.จังหวัดนครปฐม จำนวน 350 หน่วย ตำบลท่าตำหนัก อำเภอ นครชัยศรี จังหวัด นครปฐม (มายโอโซนไทยเพิ่มสุข) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน 4.จังหวัด ระนอง จำนวน 800 หน่วย ตำบล หงาว อำเภอ เมือง จังหวัด ระนอง (มายโอโซนไทยเพิ่มสุข) ) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท ระนองเพิ่มสุข จำกัด มาร่วมทุน 5.จังหวัด นนทบุรี จำนวน 800 หน่วย ตำบลบางแม่นาง , อำเภอ บางใหญ่ จังหวัด นนทบุรี (วิลเลคโอโซนไทยเพิ่มสุข) ) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน 6.จังหวัด สระบุรี จำนวน 880 หน่วย อำเภอ แก่งคอย , อำเภอ หน้าพระลาน จังหวัด สระบุรี(มายโอโซนเพิ่มสุข ) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน
ระยะที่ 2 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 18 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะที่ 3 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 18 จังหวัด ภาคเหนือ ระยะที่ 4 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 18 จังหวัด ภาคกลาง ระยะที่ 5 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 16 จังหวัด ภาคใต้
ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โดยมีผลงานในการก่อสร้าง และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากด้วยประสบการณ์ ดำเนินการพัฒนาโครงการเพื่อผู้สูงวัยพร้อมให้การบริการเป็นอย่างดีและทั่วถึงในการให้บริการ
ดร.สมัย เหมมั่น ประธานโครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน
โครงการ Senior Complex ประชารัฐ (ท่าตำหนัก) - กรมกิจการผู้สูงอายุ http://www.dop.go.th › gallery • Translate this page ... สิงห์อินทร์) กรรมการบริหารบริษัท ซี.เอส.บี. การช่าง จำกัด (ดร.สมัย เหมมั่น) เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุมชั้น ๑๐ อาคาร ๑ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ... You've visited this page many times. Last visit: 9/18/21
คณะบริหารโครงการ ดร.ชยณัฎฐ์ แสงมณี ประธารบริหารโครงการ ดร. สมคิด สมศรี ที่ปรึกษาโครงการด้านบริหารงานเทคนิค นาย ชิตโชค สิงหรา ที่ปรึกษาโครงการด้านกฎหมาย สมาคมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หนองเสือ ที่ปรึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง D – HOUSE GROUP กลุ่มนักวิจัยและแผนธุรกิจโครงการ บริษัท ระนองเพิ่มสุข จำกัด บริหารงานการก่อสร้าง บริษัท เอเอทีแอล กรุ๊ป จำกัด บริหารงานการก่อสร้าง บริษัท บัลลังค์สรณ์ (1) จำกัด บริหารการโครงการและพัฒนาธุรกิจการก่อสร้าง บริษัท อุสาหกรรมเมืองมหาชัยและอสังหาริมทรัพย์ จำกัด บริหารงานนิติบุคลโครงการ บริษัท สิวลี จำกัด ที่ปรึกษาฝ่ายบริหารและฝ่ายการเงินสินเชื้อธุรกิจ บ. ซี เอช บี จำกัด ฝ่ายประสานงานภาครัฐและเอกชน
โครงการ Senior Complex ประชารัฐ (ท่าตำหนัก) - กรมกิจการผู้สูงอายุ http://www.dop.go.th › gallery • Translate this page ... สิงห์อินทร์) กรรมการบริหารบริษัท ซี.เอส.บี. การช่าง จำกัด (ดร.สมัย เหมมั่น) เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุมชั้น ๑๐ อาคาร ๑ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ... You've visited this page many times. Last visit: 9/18/21
“วิสัยทัศน์” มุ่งมั่นให้บริการอย่างมืออาชีพ ด้วยพนักงานคุณภาพ ผลงานมาตรฐาน เพื่อให้บริการแก่ผู้ยากไร้อย่างจิตอาสา ตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า เสร็จตามเป้าหมาย ใช้เทคโนโลยีทันสมัยและก้าวหน้า มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
พันธกิจ “สร้างเพื่อความแข็งแกร่ง เรามุ่งมั่นพัฒนาสู่การเป็นสถาบันก่อสร้างที่แข็งแกร่ง ด้านอสังหาริมทรัพย์” “สร้างเพื่อพันธมิตรทางธุรกิจ เรามุ่งมั่นเพื่อเป็นผู้พัฒนาหลัก ทางซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ไทย สร้างอาชีพให้ผู้รับเหมารายย่อยและคู่ค้าเลือกด้วยความเชื่อมั่น และไว้วางใจยินดีพร้อมก้าวหน้าไปด้วยกัน” “สร้างงาน เรามุ่งมั่นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นประสิทธิภาพ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้พร้อมนำศักยภาพที่ดีที่สุดของตนเองมาใช้” “สร้างเพื่อสังคม เรามุ่งมั่นมอบผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดให้กับผู้ซื้อ เช่นลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและผู้ยากไร้ได้รับการบริการที่ดีมีคุณภาพในการบริการ ด้วยการยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ และสร้างสรรค์สังคมและการเติบธุรกิจโตอย่างยั่งยืน” “สร้างเพื่อชุมชนและสังคม เรามุ่งมั่นเพื่อสนับสนุน และเสริมสร้างสิ่งที่ดีสู่ชุมชน และสังคมและความเท่าเทียมของสังคมสรรสร้างวิสาหกิจของชุมชน ส่งเสริมการทำงานร่วมกับแบบสหกรณ์ฯ ให้ได้รับการบริการที่ดีๆ”
หลักการและเหตุผลของโครงการ เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหภาค มีผลต่อการเขียนแผนธุรกิจ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐศาสตร์กับภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ของแต่ละพื้นที่ในประเทศไทย ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการครองชีพของมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ การผลิต การใช้ และ การกระจายของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การคมนาคมขนส่ง การค้าระหว่างประเทศ และการบริการแก่ประชาชนในดินแดนต่างๆของโลก โดยมีความสัมพันธ์กับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่ศึกษาถึงวิธีการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด เพื่อผลิตสินค้าและบริการต่างๆสนองความต้องการของมนุษย์ซึ่งโดยทั่วไปมีความต้องการไม่จำกัดในด้านต่างๆ สรุปได้ดังนี้ 1.ความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจประกอบด้วย 1.1 ลักษณะภูมิประเทศ หมายถึง ลักษณะทางกายภาพของแผ่นดิน ความสูงต่ำของผิวโลก ที่ราบลุ่มแม่น้ำ 1.2 ลักษณะภูมิอากาศ หมายถึง ลักษณะอากาศประจำถิ่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมีอิทธิพลต่อปัจจัย 4 ของมนุษย์ 2. กิจกรรทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆของโลก แบ่งเป็น 2.1 กิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเลี้ยงตนเอง (Subsistence Economic Activities) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เศรษฐกิจแบบยังชีพ (Subsistence Economy) หมายถึง ชีวิตความเป็นอยู่แบบง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน 2.2 กิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบการค้า หมายถึง สังคมที่สลับซับซ้อน เป็นลักษณะของประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมทั้งไทยในปัจจุบัน เศรษฐศาสตร์กับภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น เศรษฐศาสตร์เป็นแขนงหนึ่งของสังคมศาสตร์ ซึ่งว่าด้วยกิจกรรมของมนุษย์ ความขาดแคลนทรัพยากรและปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ(ผลิตอะไร อย่างไร เพื่อใคร) ที่เกิดขึ้นในสังคม ทำให้แต่ละสังคมต้องหาวิธีการแก้ไข เศรษฐศาสตร์จึงเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาหนทางในการจัดสรรทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิต (ที่ดิน ทุน แรงงาน และการประกอบการ) ที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เศรษฐศาสตร์ (Economics) หมายถึง วิชาที่ศึกษาถึงวิธีการจัดสรรทรัพยากรอันมีอยู่จำกัด เพื่อผลิตสินค้าและบริการต่างๆในการสนองความต้องการของมนุษย์ซึ่งมีไม่จำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด คริสต์ศตวรรษที่ 18 การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์อย่างเป็นแบบแผนได้เริ่มขึ้น โดยผู้วางรากฐานและได้รับการยกย่องว่าเป็น ”บิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์” คือ อาดัม สมิท นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ โดยหนังสือชื่อ ความมั่งคั่งของประชาชาติ (The Wealth of Nations) ที่เขาเขียนขึ้นในปี ค.ศ.1776 (พ.ศ.2319) ถือเป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมาจนถึงยุคปัจจุบัน เศรษฐศาสตร์จุลภาค หมายถึง การศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจในระดับหน่วย หรือระดับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือหน่วยงานการผลิตแต่ละกลุ่มหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรือ เฉพาะบุคคล หรือหน่วยงานการผลิต ซึ่งแต่ละกลุ่มเกี่ยวกับส่วนย่อยๆของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ หน่วยครัวเรือน หน่วยธุรกิจ และ หน่วยรัฐบาล เศรษฐศาสตร์มหภาค หมายถึง การศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของทั้งระบบโดยรวม ได้แก่ รายได้ประชาติ ภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด การออม การลงทุน การจ้างงาน และ การบริโภครวมทั้งการคลัง การค้าระหว่างประเทศและดุลการชำระเงิน การพัฒนาเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์มหาภาค มีเนื้อหา ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับรายได้และการจ้างงาน ในอดีต จึงเรียกว่า ทฤษฎีรายได้และการจ้างงาน สรุป เศรษฐศาสตร์จุลภาค เป็นการศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล แตกต่างจากเศรษฐศาสตร์มหาภาค ที่ศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจระดับประเทศและระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ของเศรษฐศาสตร์กับภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการครองชีพของมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ การผลิต การใช้ และ การกระจายของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยะกรรม การคมนาคมขนส่ง การค้าระหว่างประเทศ และการบริการแก่ประชาชนในดินแดนต่างๆของโลก โดยมีความสัมพันธ์กับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่ศึกษาถึงวิธีการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด เพื่อผลิตสินค้าและบริการต่างๆสนองความต้องการของมนุษย์ซึ่งโดยทั่วไปมีความต้องการไม่จำกัดในด้านต่างๆ สรุปได้ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1.1 ลักษณะภูมิประเทศ หมายถึง ลักษณะทางกายภาพของแผ่นดิน ความสูงต่ำของผิวโลก ที่ราบลุ่มแม่น้ำมีความอุดมสมบูรณ์จะเหมาะสมกับการตั้งถิ่นฐาน การคมนาคมขนส่งสะดวก แต่ไม่ปลอดภัยจากการรุกราน แต่ที่ราบสูง ภูเขา จะ แห้งแล้ง การคมนาคมขนส่งไม่สะดวก ไม่เหมาะกับการตั้งถิ่นฐาน แต่ปลอดภัยจากการรุกราน บริเวณที่ติดทะเลก็จะมีการประกอบอาชีพเกี่ยวกับทะเล เป็นต้น 1.2 ลักษณะภูมิอากาศ หมายถึง ลักษณะอากาศประจำถิ่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมีอิทธิพลต่อปัจจัย 4 ของมนุษย์ ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค รวมทั้งการประกอบกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ในเขตต่างๆ ของโลก เช่น เขตร้อนส่วนใหญ่ปลูกข้าวเจ้า ใส่เสื้อผ้าบาง มีฝนตกชุก ซึ่งมักจะปลูกอาคารบ้านเรือนมีหลังคาชันเพื่อใต้ถุนสูง เพื่อให้น้ำฝนไหลสะดวกและไม่ขังบริเวณใต้ถุนบ้าน สำหรับกิจกรรมของประชากรส่วนใหญ่จะอาศัยลักษณะลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศเข้าช่วย เช่น การทำนาข้าว ส่วนมากจะทำในฤดูฝน ส่วน การทำนาเกลือ การก่อสร้าง การทาสี ก็จะทำกันในฤดูแล้ง และ ลักษณะภูมิอากาศยังมีผลต่อสุขภาพและพลังงานในตัวมนุษย์หลายประการ เช่น ประชาชนในเขตร้อนจะเหนื่อยง่าย หอบเร็ว ทำงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ต่างจากประชากรในเขตหนาวหรือ เขตอบอุ่นจะมีความขยัน อดทน กระตือรือร้นมากกว่า เป็นต้น
2. กิจกรรทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆของโลก แบ่งเป็น 2.1 กิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเลี้ยงตนเอง (Subsistence Economic Activities) หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเศรษฐกิจแบบยังชีพ ( Subsistence Economy ) หมายถึง ชีวิตความเป็นอยู่แบบง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน เช่น การเก็บหาของป่า การล่าสัตว์ การจับปลา การเพาะปลูก เพื่อการบริโภคเอง ไม่ได้ผลิตเพื่อจำหน่าย ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เป็นลักษณะของชุมชนในอดีต หรือชนบทที่ห่างไกลความเจริญ 2.2 กิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบการค้า หมายถึง สังคมที่สลับซับซ้อน เป็นลักษณะของประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมทั้งไทยในปัจจุบัน มนุษย์จะไม่ทำการผลิตสิ่งของที่ตนเองต้องการเองทุกอย่าง แต่จะแบ่งอาชีพกันทำตามความถนัด แล้วนำผลผลิตมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อการค้า เป็นการประกอบอาชีพเพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังภูมิภาคต่างๆของโลก โดยอาศัยระบบการคมนาคมขนส่งให้สินค้าเข้าสู่ตลาดจะนำผลประโยชน์มาสู่สังคมที่เจริญ หรือระบบสังคมที่ซับซ้อน ตลอดจนทั้งเขตชุมชนและเมืองต่างๆทุกแห่งในโลกปัจจุบัน เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหาภาค มีผลต่อการเขียนแผนธุรกิจ ซีเนี่ยร์ตอมเพล็กซ์
ปัจจุบันนักเศรษฐศาสตร์แยกการศึกษาเศรษฐศาสตร์ออกเป็น 2 สาขาใหญ่ๆ คือ 1.เศรษฐศาสตร์จุลภาค (microeconomics) เป็นการศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของหน่วยเศรษฐกิจใดหน่วยเศรษฐกิจหนึ่ง เช่น การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภครายใดรายหนึ่งว่าจะมีการตัดสินใจในการเลือกบริโภคสินค้าและบริการอย่างไร จำนวนเท่าใด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความพอใจสูงสุดภายใต้ขีดจำกัดของรายได้จำนวนหนึ่ง พฤติกรรมของผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งว่าจะตัดสินใจเลือกผลิตสินค้าอะไร จำนวนเท่าใด ด้วย วิธีการอย่างไร และจะกำหนดราคาเท่าไร จึงจะได้กำไรสูงสุด ศึกษาพฤติกรรมการลงทุน การออมของ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ศึกษากลไกตลาดและการใช้ระบบราคาเพื่อการจัดสรรสินค้า บริการ และทรัพยากร อื่นๆ จะเห็นได้ว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาคส่วนใหญ่จะเป็นการศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับราคาในตลาดแบบต่างๆ นักเศรษฐศาสตร์บางท่านจึงเรียกวิชาเศรษฐศาสตร์อีกชื่อหนึ่งว่า ทฤษฎีราคา (Price Theory)
2.เศรษฐศาสตร์มหภาค (macroeconomics) เป็นการศึกษาภาวะเศรษฐกิจโดยส่วนรวม ทั้งระบบเศรษฐกิจหรือทั้งประเทศ อันได้แก่ การผลิตของระบบเศรษฐกิจ การบริโภค การออม และการลงทุนรวมของประชาชน การจ้างงาน ภาวะการเงินและการคลังของประเทศ ฯลฯ เศรษฐศาสตร์มหภาคโดยทั่วไปจะครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น รายได้ประชาชาติ วัฏจักรเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและระดับราคา การคลังและหนี้สาธารณะ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การเงินและสถาบันการเงิน และเศรษฐศาสตร์การพัฒนา ฯลฯ ความสัมพันธ์ของวิชาเศรษฐศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในด้านต่างๆ เช่น การเลือกการผลิต การบริโภค การดำรงชีพ และการปฏิบัติต่อบุคคลต่างๆที่อยู่ในสังคมเดียวกันหรือต่างกัน ดังนั้นเศรษฐศาสตร์จึงเป็นวิชาหนึ่งของสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ที่มี ผลมาจากการอยู่รวมกันในสังคมและมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ซึ่งในการศึกษาและการแก้ไข ปัญหาต่างๆ ตลอดจนการจัดระเบียบวิธีที่เกี่ยวกับมนุษย์จำเป็นที่วิชาเศรษฐศาสตร์ต้องไปเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับวิชาอื่นๆในสังคมศาสตร์ เช่น การบริหารธุรกิจ รัฐศาสตร์ จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ และอื่นๆ เศรษฐศาสตร์กับการบริหารธุรกิจ มีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ ในการศึกษาเศรษฐศาสตร์นั้นส่วนหนึ่งจะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ผลิต เช่น การศึกษาทฤษฎีการผลิต ต้นทุนการผลิตและตลาด ฯลฯ จะเห็นได้ว่าแต่ละหัวข้อจะมีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นกล่าวได้ว่าการบริหารธุรกิจส่วนหนึ่งเป็นการนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ให้ได้รับกำไรสูงสุดและธุรกิจเจริญเติบโตก้าวหน้า
เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันในแง่ที่ว่าแต่ละประเทศจะไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรืองได้หากประเทศไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง เนื่องจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่มีความมั่นใจจึงชะลอการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ในทางกลับกัน หากนักลงทุนมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง การลงทุนจะเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าปัญหาการเมืองกับปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาควบคู่กันไม่สามารถแยกจากกันได้ กล่าวคือ จะต้องพัฒนาไปพร้อมๆกันประเทศจึงจะมีการพัฒนาอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ เศรษฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันในลักษณะที่กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม และส่วนหนึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเศรษฐกิจ ดังนั้นหากนักกฎหมายมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ย่อมจะเป็นผลดีต่อการตราหรือออกใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศ ในทำนองเดียวกัน เนื่องจากกฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นนักเศรษฐศาสตร์เองจำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้วย ทั้งนี้ เพื่อการใช้กฎหมายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะได้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง
เศรษฐศาสตร์กับประวัติศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งส่วนหนึ่งสามารถใช้เป็นบทเรียนหรือเป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างน้อยที่สุดประวัติศาสตร์จะเป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงลำดับของเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้น ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อทุกสาขาวิชา รวมทั้งวิชาเศรษฐศาสตร์ด้วย ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันได้มีการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของการเรียนการสอนทางด้านเศรษฐศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย เศรษฐศาสตร์กับจิตวิทยา เนื่องจากวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ดังนั้นความรู้ในด้านจิตวิทยาจึงมีส่วนสำคัญต่อการเรียนรู้ทางเศรษฐศาสตร์ เพราะต่างก็ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การจะอธิบายปรากฏการณ์บางอย่างที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ เช่น การเลือกบริโภคสินค้าของผู้ซื้อ ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาของมนุษย์ย่อมช่วยให้เข้าใจการกระทำบางอย่างของมนุษย์ได้ ในเวลาเดียวกัน นักจิตวิทยาอาจนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ได้
เศรษฐศาสตร์กับคณิตศาสตร์และสถิติ สาขาหนึ่งของวิชาเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษากันอยู่ในปัจจุบันคือการศึกษาเศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณ ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องอาศัยคณิตศาสตร์และสถิติเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรทางเศรษฐกิจต่างๆหรือเพื่ออธิบาย ความสัมพันธ์ของตัวแปรทางเศรษฐกิจเหล่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐศาสตร์กับศาสตร์อื่น ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาถึงพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น ๆ มากมายดังต่อไปนี้
1.เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับรัฐศาสตร์ การเมือง และกฎหมายอย่างใกล้ชิด ในสมัยก่อนเรียกวิชาเศรษฐศาสตร์ว่า “เศรษฐศาสตร์การเมือง” เพราะการค้าเป็นกิจกรรมต่าง ๆ มักถูกรัฐบาลเข้าแทรกแซงเสมอ แม้กระทั่งในปัจจุบันก็เช่นกัน และมีความสัมพันธ์กับกฎหมายในแง่ที่ว่าการออกกฎหมายบางเรื่องอาจเกิดขึ้นจากการพยายามที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เช่น กฎหมายการค้ากำไรเกินควร กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น 2.เศรษฐศาสตร์มีความสัมพันธ์กับการบริหารธุรกิจอย่างมาก เพราะในการตัดสินใจของนักธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการเลือกโครงการลงทุน การกำหนดปริมาณการผลิตและกำหนดราคาสินค้า จำเป็นต้องอาศัยหลักเกณฑ์ทางเศรษฐศาสตร์เข้าช่วยในการตัดสินใจ รวมทั้งต้องเข้าใจถึงระบบเศรษฐกิจ ภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจ เพราะจะมีผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรง 3.เศรษฐศาสตร์มีความสัมพันธ์กับหลักจิตวิทยา เพราะพฤติกรรมของมนุษย์ในการตัดสินปัญหาเศรษฐกิจ ต้องคำนึงถึงหลักจิตวิทยาด้วย เช่น การตั้งราคาสินค้าให้ลงท้ายด้วย 9 , 199 , 299 , 399 เป็นต้น เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสินค้ามีราคาถูกโดยเฉพาะ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง หรือการมีของแถมให้กับผู้บริโภคถ้าซื้อปริมาณมาก เป็นต้น 4.เศรษฐศาสตร์กับภูมิศาสตร์ การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ต้องเกี่ยวกับเรื่องทรัพยากร ดิน ฟ้า อากาศ ตลอดจนที่ตั้งของหน่วยเศรษฐกิจหรือประเทศต่าง ๆ ดังนั้นความรู้ทางภูมิศาสตร์จึงสามารถช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น เช่น การวิเคราะห์ปัญหาการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น และทรัพยากรธรรมชาติจะมีความเกี่ยวข้องกับความรู้ทางภูมิศาสตร์มาก 5.เศรษฐศาสตร์กับประวัติศาสตร์ การอาศัยเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เป็นสิ่งช่วยอธิบายหรือคาดคะเนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออาจเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อาจเป็นสิ่งเตือนใจให้นักเศรษฐศาสตร์ระลึกว่า ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจะมีสิ่งใดเกิดตามมาเพื่อจะได้รับเหตุการณ์นั้นได้ดียิ่งขึ้น
6.เศรษฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ การออกกฎหมายบางอย่างหรือโดยบางประเทศอาจมีส่วนจำกัดหรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการทางเศรษฐกิจ เช่น กฎหมายสงวนอาชีพบางอย่าง หรือแม้แต่การตรากฎหมายภาษีอากร กฎหมายการค้า กฎหมายส่งเสริมการลงทุน การกำหนดอาณาเขตไมล์ทะเลระหว่างประเทศ เป็นต้น มีส่วนกระทบกระเทือนถึงการดำเนินการทางเศรษฐกิจของประเทศที่เกี่ยวข้องในทำนองเดียวกัน การจะออกกฎหมายอะไรอาจต้องคำนึงถึงสถานะทางเศรษฐกิจว่าเมื่อออกกฎหมายแล้วจะมีผลกระทบกระเทือนถึงประชาชนมากน้อยแค่ไหน 7.เศรษฐศาสตร์กับจริยศาสตร์ เนื่องจากศาสนามีอิทธิพลเหนือการกระทำของคนมานานแล้ว บทบัญญัติทุกศาสนาล้วนแต่สอนให้บุคคลมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มิให้เอารัดเอาเปรียบกัน สอนให้คนละเว้นความโลภ ถ้าจะมองในเชิงเศรษฐศาสตร์ หมายความว่า ศาสนาประณามการเอารัดเอาเปรียบกันในการค้าขาย เช่น การค้ากำไรเกินควร การปลอมแปลงสินค้าการให้กู้ยืมโดยเรียกดอกเบี้ยสูง ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการทำนาบนหลังคนแบบหนึ่ง และเป็นผลเสียแก่เศรษฐกิจส่วนรวม ในปัจจุบัน ยังมีการนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์เข้ากับศาสตร์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ประยุกต์เข้ากับโครงการทางวิศวกรรม ซึ่งจะเรียกชื่อว่าเศรษฐศาสตร์วิศวกรรม ประยุกต์เข้ากับโครงการอุตสาหกรรม เรียกชื่อว่า เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม ประยุกต์เข้ากับโครงการทางสาธารณสุขเรียกชื่อว่าเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข รวมทั้งประยุกต์เข้ากับโครงการทางแพทย์เรียกชื่อว่าเศรษฐศาสตร์การแพทย์ เป็นต้น
กล่าวโดยสรุปได้ว่า วิชาเศรษฐศาสตร์มิใช่วิชาที่โดดเดี่ยว ผู้ที่ศึกษาวิชา วิชาเศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อนำมาผลิตสินค้าและบริการให้ได้มากที่สุด เพื่อนำมาตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์มีมาช้านานแล้วตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 โดยสอดแทรกอยู่ในความเชื่อถือและปรัชญา ต่อมาจึงได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นหลักการที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่อย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภค ผู้ผลิต และรัฐบาล เศรษฐศาสตร์มี 2 แขนง ได้แก่ เศรษฐศาสตร์จุลภาค ซึ่งเป็นการศึกษาถึงระบบเศรษฐกิจส่วนย่อยๆแต่ละบุคคล เช่น การผลิต การจำหน่าย การซื้อขายแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน และเศรษฐศาสตร์มหภาค ซึ่งเป็นการศึกษาถึงระบบเศรษฐกิจส่วนรวมระดับประเทศ เช่น การศึกษารายได้ประชาชาติ คือศึกษาถึงรายได้ของประชาชนทั่วประเทศ หรือ ศึกษาถึงภาวะการลงทุน การว่างงาน ภาวะการเงินต่าง ๆ นอกจากนั้นเศรษฐศาสตร์ยังมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น ๆ เช่น บริหารธุรกิจ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ จิตวิทยา ดังนั้น การศึกษาเศรษฐศาสตร์จึงทำให้เข้าใจถึงระบบเศรษฐกิจ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ปัจจัยการผลิตสินค้า เพื่อนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด มีผลต่อการเขียนแผนธุรกิจ ซีเนี่ยร์ตอมเพล็กซ์ จะบรรยายเพิ่มเติมในภายหลังเศรษฐศาสตร์กับบริหารธุรกิจ : บริหารธุรกิจเป็นวิชาที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐศาสตร์อยู่มาก ถึงแม้ว่าในภาคส่วนของบริหารธุรกิจจะมีเป้าหมายสูงสุดที่การผลิตเพื่อเสียต้นทุนต่ำที่สุดนำไปสู่การได้กำไรสูงสุด ซึ่งนักธุรกิจโดยส่วนใหญ่หากมีความเข้าใจในเศรษฐศาสตร์อย่างเป็นองค์รวมแล้วจะสามารถคาดการณ์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในอนาคตได้ว่าจะไปในทิศทางใด และนำไปสู่การกำหนดเป้าหมายในการบริหารจัดการธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ส่วนในการกำหนดเป้าหมายนโยบายทางเศรษฐกิจย่อมมีผลเชื่อมโยงกับภาคส่วนของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หากในส่วนของเมนูนโยบายทางเศรษฐกิจกับหน่วยธุรกิจมีการเชื่อมโยงสอดประสานเกื้อหนุนซึ่งกันและกันแล้ว ก็จะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อพึงสังเกต การบริหารเมนูนโยบายเศรษฐกิจและการบริหารธุรกิจ หลาย ๆ ท่านอาจคิดว่ามีความคล้ายและสามารถนำเอาหลักการการบริหารธุรกิจมาใช้กับการกำหนดและบริหารจัดการเมนูนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตรรกะในการบริหารนโยบายทางเศรษฐกิจและการบริหารธุรกิจ ก็มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเจริญเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้บรรลุถึงการอยู่ดีกินดีของประชาชนและการอยู่ดีกินดีของเจ้าของธุรกิจ แต่ในทางปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุซึ่งเป้าหมายดังกล่าวของการบริหารเมนูนโยบายทางเศรษฐกิจและการบริหารธุรกิจนั้น ปรัชญาในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมัก จะทำตรงกันข้าม กับการบริหารธุรกิจอย่างสิ้นเชิง กรณีที่ ๑ ในภาวะเศรษฐกิจปกติ (เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง) พฤติกรรมส่วนใหญ่ของภาคเอกชนในภาวะเศรษฐกิจปกติ (เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง) เนื่องจากว่า เป็นภาวะที่ภาคเอกชนต้องการฉกฉวยโอกาสในผลประโยชน์จากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุซึ่งปรัชญากำไรสูงสุด โดยมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ รวมทั้งมีการบริโภคเพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องคอยดูแลระบบเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงเกินไป (overheating) โดยการดำเนินนโยบายผ่านกลไกทางด้านนโยบายการคลัง นโยบายการเงิน และนโยบายการเงินระหว่างประเทศ ในภาวะปกติการบริหารและจัดการนโยบายเศรษฐกิจ ผู้ที่มีอำนาจและหน้าที่ต้องตระหนักถึง พฤติกรรมของภาคเอกชน โดยส่วนใหญ่ก่อน เพราะภาครัฐมีหน้าที่หลักที่สำคัญในการที่จะบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้ สังคมโดยส่วนรวมบรรลุถึงการเจริญเติบโตแบบยั่งยืน หรือการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อลดทอนความเสี่ยงของการนำไปสู่ภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโตที่ไม่สมเหตุสมผลกับภาวะพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (การเจริญเติบโตที่เกิดจากภาวะฟองสบู่) รวมทั้งการเจริญเติบโตที่เพิ่มอัตราเร่งให้เกิดช่องว่างระหว่างรายได้ทางสังคมที่สูงขึ้น
ดังนั้นภาครัฐต้องตระหนักและเข้าใจพฤติกรรมรากเหง้าทางสังคมเศรษฐกิจของภาคเอกชนโดยส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมก่อน เพื่อนำไปสู่การดำเนินเมนูนโยบายทางเศรษฐกิจเพื่อนำไปสู่จุดที่สังคมปรารถนาร่วมกัน
คือ การเจริญเติบโตแบบยั่งยืน หรือการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ ในภาวะเศรษฐกิจปกติพฤติกรรมโดยส่วนใหญ่ในการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนจะขยายตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดีในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจาก GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ สิ่งที่ภาครัฐต้องต้องคำนึงถึงเป็นประเด็นสำคัญในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ ก็คือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวนั้น มีแนวโน้มนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ โดยภาคเอกชนจะเพิ่มการลงทุนเพื่อขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง
กรณีที่ ๒ ภาวะเศรษฐกิจเจ็บป่วย : วิกฤติเศรษฐกิจ (เศรษฐกิจถดถอยและตกต่ำ) ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวและตกต่ำนั้น พฤติกรรมโดยส่วนใหญ่ของภาคเอกชนจะลดการลงทุนและลดต้นทุนทุกอย่างที่สามารถจะลดได้เพื่อให้ธุรกิจของตนเองอยู่ได้ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ รวมทั้งภาคครัวเรือนก็จะลดการบริโภคลงมาด้วย ดังนั้น ภาครัฐต้องทำสิ่งดังกล่าวที่ขาดหายไปในระบบเศรษฐกิจแทนภาคเอกชนเพื่อที่จะทำให้เกิดการจ้างงาน โดยการดำเนินเมนูนโยบายที่เอื้อต่อการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านทางกลไกของนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และนโยบายการเงินระหว่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในภาวะเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ การบริหารเมนูนโยบายเศรษฐกิจนั้นต้องมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญโดยการ เพิ่มปริมาณเงิน เข้าไปในระบบเศรษฐกิจก่อนโดยผ่านเครื่องมือและกลไกทางด้านนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และนโยบายการเงินระหว่างประเทศ และโดยส่วนใหญ่ในภาวะวิกฤตินี้ เมนูนโยบายการคลังในภาคส่วนของการใช้จ่ายภาครัฐ ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากก่อให้เกิดผลรวดเร็ว เปรียบเสมือนคนป่วยใกล้จะตาย หมอต้องเลือกช่วยชีวิตคนป่วยก่อนเป็นอันดับแรก เช่น การปั้มหัวใจ ซึ่งก็เปรียบเสมือนการเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปในระบบก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากในภาวะดังกล่าว ภาคเอกชนจะลดการลงทุนและการบริโภค เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ภาครัฐจึงไม่ควรดำเนินเมนูนโยบายทางเศรษฐกิจอันก่อให้เกิดการหดตัวทางเศรษฐกิจ เฉกเช่นภาคเอกชน เพราะจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจหดตัวรุนแรงไปอีก ภาครัฐจึงควรดำเนินนโยบายที่ไปเอื้อต่อการเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ อาจกล่าวได้ว่าแนวความคิดในการบริหารเมนูนโยบายเศรษฐกิจกับการบริหารธุรกิจมักจะ “ทำตรงกันข้าม” เมื่อเผชิญกับภาวะต่าง ๆ ในเศรษฐกิจ
โครงสร้างระบบสาธารณสุข และการเป็นลักษณะที่อยู่อาศัย การวางแผนการอยู่อาศัยในวัยสูงอายุหรือวัยหลังเกษียณ จากการทำงานที่ต้องวางแผนการอยู่อาศัยแบบจริงจังในการใช้ชีวิต ในปี พ.ศ. 2562-2564 เป็นปีที่ประเทศไทยและทั่วโลกได้รับผลกระทบเรื่องโรคระบาด หรือการแพร่เชื้อ ของไวรัส โคโรนา 19 ที่มีผลกระทบเป็นอย่างมาก ผลคือ 1.ผู้สูงอายุได้รับผลจากการระบาทจากการแพร่เชื้อโรค ประเทศไทย ผู้สูงอายุ ป่วยเพราะผลการแพร่เชื้อ จำนวน 10,000 คน และเสียชีวิต จำนวน 60 ราย ของจำนวนผู้สูงอายุไทยที่ติดเชื้อ 2.ผู้สูงอายุทั่วโลก ติดเชื้อ จำนวน 108 ล้านคน และเสียชีวิตจำนวน มากถึง 2.3 ล้านคน ดังสถิติดังนี้
สาเหตุที่ได้รับการติดเชื้อ ดังนี้ 1.ไม่มีภูมิป้องกันโรค 2.ไม่มีที่ อยู่อาศัยที่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ 3.ไม่ให้ความรู้และวิธีการป้องกันเบื้องต้นได้ 4.รัฐบาลแต่ละประเทศไม่มีงบประมาณในการป้องกัน 5.รัฐบาลไม่จำแนกคัดแยกคนที่ติดเชื้อ 6.รัฐบาลไม่มีที่อาศัยที่มีคุณภาพเพื่ออยู่อาศัยที่ดี 7.ผู้สูงอายุ ทุกคนไม่ได้วางแผนการอยู่อาศัยที่ดี ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนทุกคนที่ต้องร่วมมือกันในการดำรงอยู่ในสังคมที่ดีต่อกัน วิธีการป้องกัน ในกรณีดังกล่าว
ดร.สมัย เหมมั่น ได้คิด โครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์เพื่อสมาชิก องค์กร และประชาชนผู้ยากไร้ตลอดจนข้าราชการ ทุกๆคน เพื่อวางแผนการใช้ชีวิต ในวัยสูงอายุ ต้นเหตุของปัญหา จึงเกิดโครงการขึ้นมาเพื่อรองรับ กับปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จนในวันนี้ มันเกิดขึ้นมาแล้ว และอาจร้ายแรงกว่านี้ จึงขอให้ทุกท่านทราบว่า เราควรป้องกันปัญหาที่จะเกิดและร่วมมือที่จะป้องกันปัญหาที่จะเกิดมาในวันต่อๆไป และคาดหวังว่าโครงการดักล่าวจะได้การต้อนรับหรือตอบรับการสมาชิก เป็นอย่างดีตลอดไปและทั้งนี้ทางคณะบริหารทุกท่าน มีความพร้อมที่จะให้บริการเป็นอย่างอดี และมีคุณภาพ จึงจัดโครงการที่ดีมาไว้ให้สมาชิก ฯ ข่าวสารการติดเชื้อทั่วโลก ดังนี้
วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ทางการญี่ปุ่นอนุมัติการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 Pfizer-BioNTech เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว นับเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวแรกของประเทศที่ทางการอนุมัติเพื่อเสริมมาตรการรับมือโรคระบาดภายในญี่ปุ่น หลังวัคซีนล็อตแรกราว 4 แสนโดสขนส่งจากเบลเยียมถึงกรุงโตเกียวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยวัคซีนจาก Pfizer-BioNTech เป็นวัคซีนประเภท Genetic Vaccines ที่ใช้ mRNA เช่นเดียวกับ Moderna มีประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19 สูงถึง 95% ทั้งยังเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และได้รับการอนุมัติให้ใช้ในหลายประเทศที่สุดในช่วงเวลานี้ ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ จัดเก็บที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส ล่าสุด ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วราว 4.16 แสนราย เสียชีวิตแล้วราว 7,000 ราย ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 108 ล้านราย (108,782,607 ราย) รักษาหายแล้ว 81,469,728 ราย หรือคิดเป็นราว 74% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 2,398,866 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.2% พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 186 จาก 193 ประเทศทั่วโลก ล่าสุด สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด (27,638,748 ราย) และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมมากที่สุดกว่า 4.8 แสนราย ตามมาด้วยอินเดีย (10,904,940 ราย) บราซิล (9,834,513 ราย) สหราชอาณาจักร (4,049,920 ราย) และรัสเซีย (4,026,506 ราย) วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านมานานเกือบ 1 ปี 2 เดือน ทั่วโลกมีผู้ติดโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 113 ล้านราย (113,375,335 ราย) รักษาหายแล้ว 89,540,155 ราย หรือคิดเป็นราว 74% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 2,515,896 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.2% ล่าสุด สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด (28,486,118 ราย) ตามมาด้วยอินเดีย (11,063,491 ราย) บราซิล (10,455,630 ราย) รัสเซีย (4,175,757 ราย) และสหราชอาณาจักร (4,175,315 ราย) ขณะที่ 5 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุด ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา (510,458 ราย) บราซิล (252,835 ราย) เม็กซิโก (184, 474 ราย) ตามมาด้วยอินเดีย (156,825) และสหราชอาณาจักร (122,648 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 186 จาก 193 ประเทศทั่วโลก เหลือเพียง 7 ประเทศปลอดเชื้อที่ยังไม่พบการยืนยันผู้เสียชีวิตรายแรกจากโควิด- 19 อย่างเป็นทางการ ได้แก่ เกาหลีเหนือ, เติร์กเมนิสถาน, คิริบาตี, ตูวาลู, ปาเลา, นาอูรู และตองกา โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยังคงไม่พบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นเพราะส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะขนาดเล็ก ตั้งกระจายอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีจำนวนประชากรไม่มากนัก อีกทั้งยังได้ประกาศระงับการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาตินับตั้งแต่ระยะแรกๆ ของการแพร่ระบาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ ขณะที่หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับความถูกต้องและความโปร่งใสของข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ภายในเกาหลีเหนือและเติร์กเมนิสถาน ที่มีดัชนีเสรีภาพสื่อน้อยที่สุดในโลกประจำปี 2020
HIGHLIGHTS • ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้วิจัยได้ส่งบทความตีพิมพ์ล่วงหน้าในวารสารทางการแพทย์ Lancet ถึงผลการวิเคราะห์ข้อมูลเฟส 3 เพิ่มเติมว่าภายหลังจากได้รับการฉีดเข็มแรก วัคซีน AstraZeneca มีประสิทธิภาพ 76% และเมื่อวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์พบว่าภูมิคุ้มกันจะยังคงที่ไปตลอด 3 เดือน • ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของวัคซีนนี้คือสามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส หรือในตู้เย็นปกติได้ (เหมือนวัคซีน Sinovac) วัคซีน 1 ขวดบรรจุทั้งหมด 10 โดส ภายหลังจากเปิดใช้แล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 6 ชั่วโมง โดยระหว่างนี้สามารถวางไว้ที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 องศาเซลเซียสได้ • บ่ายของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ มีข่าวว่าในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นอกจากวัคซีน Sinovac จากประเทศจีนจะมาถึงประเทศไทยแล้ว วัคซีน AstraZeneca ก็จะได้รับในวันเดียวกันด้วยรวม 4 แสนโดส หากเป็นความจริงก็นับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็สะท้อนว่าแผนการจัดหาวัคซีนในช่วงแรกมีความไม่แน่นอนสูง และอาจทำให้ต้องปรับแผนการกระจายวัคซีนใหม่อีกครั้ง นอกจากวัคซีน Sinovac จากประเทศจีนที่จะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ยังมีข่าวว่าวัคซีน AstraZeneca จากยุโรปจะมาถึงในวันเดียวกันด้วย หากเป็นความจริงก็นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์ของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับวัคซีนอีกชนิดมาบริหารจัดการเพิ่มเติม เพราะ อย. ยังไม่อนุมัติวัคซีน Sinovac ในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งถ้า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการฉีดวัคซีนเข็มแรกเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนก็น่าจะเป็นของบริษัทนี้ และเป็นวัคซีนที่ประเทศไทยจะได้รับการส่งมอบจากบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ช่วงกลางปี ผมจึงรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีน AstraZeneca ให้ศึกษากันก่อนล่วงหน้าครับ
ไทม์ไลน์ของวัคซีน AstraZeneca AstraZeneca เป็นบริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ผลิตยาที่เกี่ยวข้องกับหลายโรค เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต และโรคทางเดินหายใจ สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตชื่อ AZD1222 วิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เป็นวัคซีนชนิด Viral Vector คือใช้ไวรัสอะดิโนที่ก่อโรคในลิงชิมแปนซี (ChAdOx1) เป็นตัวพาสารพันธุกรรมของไวรัส SARS-CoV-2 เข้าไปในร่างกาย
โดยหลักการแล้ววัคซีนชนิดนี้จึงมีความปลอดภัย เพราะไวรัสที่เป็นตัวพาไม่ก่อโรคในคน ส่วนไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 ถูกตัดต่อเหลือเฉพาะสารพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับหนาม (Spike) เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน บริษัททดลองวัคซีนเฟส 1/2 ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 ในอาสาสมัครอายุระหว่าง 18-55 ปี จำนวน 1,077 คนในอังกฤษ พบว่าไม่พบผลข้างเคียงที่อันตราย และสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ ต่อมาเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ทดลองเฟส 2/3 ในอังกฤษ (เหมือนเดิม) มีกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ อายุ 18-55 ปี, 56-69 ปี และมากกว่า 70 ปี จำนวน 160, 160 และ 240 คน ตามลำดับ พบผลข้างเคียงเหมือนการทดลองก่อนหน้านี้ เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด เป็นไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ โดยผู้สูงอายุพบอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่การสร้างภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกัน ส่วนเฟส 3 มีการทดลองเพิ่มเติมในแอฟริกาใต้และบราซิล รวมอาสาสมัคร 23,848 คน ผลการศึกษาเบื้องต้น (ติดตามจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2563) ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Lancet เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม โดยวิเคราะห์จากอาสาสมัคร 11,636 คน พบว่าผู้ที่ได้รับโดสปกติทั้ง 2 ครั้งมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการ 62.1% ส่วนผู้ที่ได้รับโดสต่ำในครั้งแรกตามด้วยโดสปกติ พบว่ามีประสิทธิภาพถึง 90.0% คิดเป็นประสิทธิภาพรวม 70.4% (กรณีโดสต่ำเป็นผลมาจากการคำนวณโดสผิดพลาดในอาสาสมัคร 2,741 คน แต่กลับพบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่า)
ผลข้างเคียงรุนแรงเกิดขึ้นทั้งหมด 175 เหตุการณ์ แต่เกิดในผู้ที่ได้รับวัคซีน 84 เหตุการณ์ แต่มีเพียง 1 เหตุการณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้วิจัยได้ส่งบทความตีพิมพ์ล่วงหน้า (Preprints) ในวารสารทางการแพทย์ Lancet ถึงผลการวิเคราะห์ข้อมูลเฟส 3 เพิ่มเติมว่าภายหลังจากได้รับการฉีดเข็มแรก วัคซีนมีประสิทธิภาพ 76% และเมื่อวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์พบว่าภูมิคุ้มกันจะยังคงที่ไปตลอด 3 เดือน ซึ่งถ้าหากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 12 สัปดาห์ (จากเดิมต้องห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์) จะมีประสิทธิภาพเพิ่มเป็น 82.4% ดังนั้นประเทศที่ยังไม่มีวัคซีนเพียงพออาจเลื่อนกำหนดการฉีดเข็มที่ 2 ออกไปได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของวัคซีนนี้คือสามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียสหรือในตู้เย็นปกติได้ (เหมือนวัคซีน Sinovac) วัคซีน 1 ขวดบรรจุทั้งหมด 10 โดส ภายหลังจากเปิดใช้แล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 6 ชั่วโมง โดยระหว่างนี้สามารถวางไว้ที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 องศาเซลเซียสได้ ปัจจุบันวัคซีน AstraZeneca ได้รับการอนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินในสหภาพยุโรปและอีก 28 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย (เป็นฐานการผลิตของบริษัท แต่ใช้ชื่อ Covishield) เกาหลีใต้ และไทย (เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564) นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินด้วย ใครฉีดวัคซีน AstraZeneca ได้บ้าง คำแนะนำของกลุ่มที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน (SAGE) ของ WHO เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ระบุว่าสามารถฉีดวัคซีน AstraZeneca ให้กับ • ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เท่ากับว่าผู้สูงอายุสามารถรับการฉีดได้ แต่สาเหตุที่มีข่าวว่าบางประเทศในยุโรปไม่อนุมัติให้ฉีด เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างในเฟส 3 มีผู้สูงอายุเป็นสัดส่วนที่น้อย (กลุ่มอายุ 56-69 ปี 8% และ 70 ปีขึ้นไป 4%) แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานเท่าที่มีอยู่ WHO ยังคงแนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป • ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ ภาวะอ้วน โรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ และโรคเบาหวาน ไม่ถือเป็นข้อห้ามในการรับวัคซีน และควรได้รับวัคซีนด้วยซ้ำ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรง ส่วนโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีน • หญิงตั้งครรภ์ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาด้านความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ จึงไม่แนะนำให้ฉีด ในขณะที่หญิงให้นมบุตรสามารถรับวัคซีนได้ และไม่ต้องหยุดให้นมหลังฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนนี้ไม่ได้มีไวรัสที่แบ่งตัวได้เป็นองค์ประกอบ การแพ้วัคซีนหรือภาวะแพ้รุนแรงไม่มีรายงานในการทดลองที่ผ่านมา แต่ผู้เข้ารับวัคซีนควรได้รับการสังเกตอาการหลังฉีด 15 นาทีเหมือนกับวัคซีนชนิดอื่น (สำหรับไทยกำหนด 30 นาที) และมีการเตรียมความพร้อมทางการแพทย์สำหรับกรณีฉุกเฉิน หากมีภาวะแพ้ในการฉีดเข็มแรก ไม่ควรฉีดเข็มที่ 2 ส่วนการฉีดวัคซีนร่วมกับวัคซีนชนิดอื่น ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ วัคซีน AstraZeneca กับประเทศไทย วัคซีน AstraZeneca เป็นวัคซีนในแผนการจัดหาวัคซีนของไทยตั้งแต่ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยอยู่ทั้งในตะกร้าการจัดหาโดยการจองวัคซีนล่วงหน้า 26 ล้านโดส และตะกร้าร่วมวิจัยและพัฒนากับต่างประเทศ โดยสนับสนุนงบประมาณให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ 600 ล้านบาท (ในขณะนั้นยังมีแผนเข้าร่วมโครงการ COVAX และตะกร้าวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศ) วันที่ 12 ตุลาคม 2563 มีการลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี และ AstraZeneca ที่กระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะมีพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยการจองล่วงหน้าและสัญญาการจัดซื้อวัคซีนที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 สถาบันวัคซีนแห่งชาติโพสต์ชี้แจงว่าทำไมวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท AstraZeneca จึงส่งมอบได้ช่วงกลางปี ทั้งนี้เพราะบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้ว แต่อยู่ระหว่างการผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรมทั้งหมด 5 รอบการผลิต แต่ละรอบการผลิตใช้เวลา 118 วัน ทำให้จะสามารถส่งมอบวัคซีนได้ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน 2564
โครงการซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน(โมเดล ทุก โครงการ) โครงการและวิธีการบริการจัดการ คอนโดมิเนียม และซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน การดำเนินการ โดย นายสมัย เหมมั่น กรรมการบริหารรับมอบอำนาจการจัดการ ที่ดินที่ทำการ โครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์
ดำเนินการในโฉนดที่ดินชื่อ โครงการคอนโดมิเนียม และซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน เพื่อผู้ยากไร้ประชาชนชาวไทยและสมาชิกสหกรณ์ ต่างๆในจังหวัดฯ ข้าราชการและข้าราชการวิสาหกิจในจังหวัดฯ จำนวนอาคาร 11 อาคาร ต่อโครงการดังนี้ จำนวน 880 ห้อง ( 11 อาคาร ๆละ 80 ห้อง)และเสนอแผนงานการก่อสร้าง 77 จังหวัด
1. สำนักงาน ตึก 11 จำนวน 80 ห้อง หมายเลข 801-880 เป็น สำนักงานให้บริการ ดังนี้ ชั้นที่ 1 1. ห้องพยาบาล 30 ตารางเมตร 2. ห้องร้านสะดวกซื้อ 60 ตารางเมตร 3. ห้องธนาคาร บริการการเงิน 30 ตารางเมตร 4. ห้องประชาสัมพันธ์-การตลาด 30 ตารางเมตร 5. ห้องธุรการ-ทะเบียน 30 ตารางเมตร 6. ห้องการเงิน-การบัญชี 30 ตารางเมตร 7. ห้องกิจการสำนักงาน 30 ตารางเมตร 8. ห้องพัสดุ 30 ตารางเมตร 9. ห้องบริการต้อนรับ 30 ตารางเมตร ชั้นที่ 2 1. ห้องธุรการ-พยาบาลโรคไต 30 ตารางเมตร 2. ห้องวัสดุและอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ 30 ตารางเมตร 3. ห้องฟอกไต 210 ตารางเมตร ชั้นที่ 3 1. ห้องกรรมการบริหาร 30 ตารางเมตร 2. ห้องรองกรรมการ การเงิน 30 ตารางเมตร 3. ห้องรองกรรมการ อำนวยการ 30 ตารางเมตร 4. ห้องกรรมการ ฝ่ายปฏิบัติการ 30 ตารางเมตร 5. ห้องประชุม 90 ตารางเมตร 6. ห้องบริหารงานบุคคล 30 ตารางเมตร. 7. ห้องนันทนาการ 30 ตารางเมตร ชั้นที่ 4-8 ห้อง เนอส์ซิ่งโฮม 1. ห้องสูท แบบ B พักบริการ ตึกที่ 1 - 5 จำนวน 400 ห้อง ห้องละ 30 ตารางเมตร ห้องที่ 1-400 2. ห้องธรรมดา แบบ A พักบริการ ตึกที่ 6 - 10 จำนวน 400 ห้อง ห้องละ 30 ตารางเมตร ห้องที่ 401-800
2. วิธีการในปรับปรุงโครงการ คอนโดมิเนียม และ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ที่ดินในโครงการเดิมปรับภูมิทัศน์ ให้เหมาะสมกับการให้บริการผู้สูงอายุและ ใส่กิจกรรมผู้สูงอายุ 5ประเภท ดังนี้ 2.1กิจกรรมทางสังคม - กิจกรรมลีลาศ - กิจกรรมรำไทย - กิจกรรมร้องเพลง - กิจกรรมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย - กิจกรรมไหว้พระเก้าวัด - กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ - กิจกรรม วันผู้สูงอายุ 2.2กิจกรรมทางสุขภาพ - กิจกรรมฟิตเนส - กิจกรรมหมากรุกสากล-ไทย - กิจกรรมนวดแผนไทย - กิจกรรมกีฬาผู้สูงวัย - กิจกรรมเต้นออกกำลังกาย - กิจกรรมธาราบำบัด - กิจกรรมกีฬาเปตอง - กิจกรรมกีฬา-ไทย-จีน 2.3กิจกรรมทางเศรษฐกิจ - กิจกรรมส่งเสริมรายได้-เย็บปักถักร้อยและจักสาน - กิจกรรมส่งการเรียนรู้และแชร์ประสบการณ์ - กิจกรรม งานคหะกรรม - กิจกรรมนวัตกรรมผู้สูงอายุ 2.4กิจกรรมสภาพแวดล้อม - บริการลิฟต์ ผู้สูงวัย - บริการทางลาด ยูดี ผู้สูงอายุ - บริการราวจับทางเดิน ยูดี - บริการทางเดินเท้าเพื่อผู้สูงอายุ - ห้องน้ำเพื่อผู้สูงอายุ 2.5กิจกรรม บริการสาธารณะ จัดให้มีเพื่อเสริมการบริการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการที่ดี - บริการธนาคารรับฝาก-ถอน - บริการท่องเที่ยว-ไทยและนอกประเทศ - บริการรถรับส่งสนามบินและนอกสถานที่ - บริการรถและการแพทย์ ฉุกเฉิน โดย รพ.ศรีวิชัย - บริการคลินิก ในโครงการ - บริการศูนย์ไตเทียม - บริการร้านอาหารไทย-ต่างประเทศ - การบริการร้านกาแฟ - บริการร้านซักรีด - บริการร้านนวดแผนไทย - บริการร้านอินเตอร์เน็ต - บริการร้านเสื้อผ้า - บริการร้างหนังสือ - บริการร้านสะดวกซื้อ
3. จัดให้มีบริการสาธารณูปโภค - จัดให้มี ทางเท้าและบริการ ยูดี ทางเดิน ในอาคารทุกอาคาร - จัดให้มีลิฟต์ เพื่อผู้สูงอายุ ทุกตึกที่ให้บริการ - จัดให้มีลานกิจกรรม ในร่มจะจัดตั้งที่ถนนโครงการเพื่อทำกิจกรรมในร่มได้ 2 อาคาร - จัดให้มีสระน้ำในพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มไว้บริการผู้สูงวัยไว้ผ่อนคลาย - จัดให้มีลานกีฬาผู้สูงอายุ เช่นเปตอง ลานลีลาศ - จัดให้มีป้ายและป้อมรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง - จัดให้มีที่ตั้งสำนักงานอาคารประสานงานโครงการคอนโดมิเนียมและซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ - จัดหาพื้นที่ทำกิจกรรมให้ครบในสี่ประเภท ในโครงการเท่าสำคัญๆ - บริการจัดเก็บพร้อมคิดค่าบริการการจัดเก็บในค่าบริการรายเดือน - บริการ รักษาความปลอดภัยระบบคีย์การ์ดระบบตรวจเข้าออกของแต่ละอาคาร - บริการพนักงานดูแลอำนวยความสะดวกทั่วไปและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในอัตรา1-10 ทุกชั้นทุกตึก 24 ชั่วโมง
4. การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล บริการจัดเก็บโดย ทางโครงการจะจัดเก็บพร้อมจัดหาให้สมาชิกได้รับความสะดวกและให้ทางนิติบุคคลรับผิดชอบต่อไป โดยทางสมาชิกเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน 5. จัดให้มีบริการสาธารณะ - จัดให้มี รปภ.บริการ 24 ชั่วโมง ตามสมควร - จัดให้มีกล้องและทีวีวงจรปิดบริการเพื่อความปลอดภัย - การกระจ่ายกระแสไฟฟ้า-น้ำประปา จัดให้มีการจ่ายกระแสไฟฟ้า-น้ำ ไฟฟ้าส่องสว่าง - จัดให้มีพนักงานประจำโครงการบริการ ตามความเหมาะสม - จัดให้อาคารสระว่ายน้ำ - จัดให้มีพนักงานจัดเก็บขยะในโครงการ - ในการให้บริการต่างๆบริษัทมีความจำเป็นต้องคิดค่าบริการในการให้บริการในส่วนนี้ เป็นรายเดือน - 6. แผนงานโครงการและระยะเวลาการบำรุงรักษา สาธารณูปโภค - บริษัท ฯโดยจัดหา ช่างและวิศวกรที่มีความชำนาญในการตรวจเช็คในการใช้บำรุงประจำปี - บริษัทฯจะตรวจเช็คและปรับปรุงภูมิทัศน์ทุกๆ 3 ปีและตามความเหมาะสมแก่ความจำเป็น - 7. วิธีการจำหน่ายบัตรสมาชิกแรกเข้าและให้บริการห้องพัก มีค่าส่วนกลางตามตารางแนบท้าย บริษัทฯ จะจำหน่ายบัตรสมาชิกแรกเข้าพร้อมห้องพักที่ พื้นที่ 30 ตรม.ดังนี้ 7.1 บัตรสมาชิก แบบ B ห้องสูท 400 ห้อง จำนวน 800 ราย - ค่าห้อง 600,000 บาท ถึง 2,500,000 บาท - ค่าบริการตลอดชีพ 150,000 บาท ต่อราย 7.2 บัตรสมาชิก แบบA ห้องธรรมดา 400 ห้องจำนวน 800 ราย - ค่าห้องเริ่มที่ 600,000 บาท - ค่าบริการ 15 ปี 150,000 7.3 บัตรสมาชิกบริการฟรี ห้องรวมพักฟื้นจำนวน 300 ราย - ค่าบัตรแรกเข้า สำหรับผู้มีความพร้อมและเป็นสมาชิก 250,000 - ค่าบริการ รายเดือนสำหรับผู้มีความพร้อมและเป็นสมาชิก 12,000 - กำหนด เวลาการเริ่มดำเนินการและกำหนดแล้วเสร็จ ดังนี้ -
บริษัทฯจะปรับปรุงให้แล้วเสร็จในระยะเวลาการทำงานในเวลา 3 ปี นับจากได้รับอนุญาตประกอบการและการสนับสนุนโครงการในภาครัฐของกรมกิจการผู้สูงอายุ 8. สัญญาจะซื้อจะขาย จะปฏิบัติตามเงื่อนไขของ กรมกิจการผู้สูงอายุเป็นหลักในการปฏิบัติ
ลงชื่อผู้ ดร.สมัย เหมมั่ย กรรมการฯ บริษัท ซี.เอช.บี จำกัดและบริษัท เอเอทีแอล กรุ๊ป จำกัด ประธานโครงการ

ความคิดเห็น

  1. โครงการ ซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน
    เพื่อสมาชิกสหกรณ์และประชาชนชาวไทยผู้ยากไร้
    (ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)
    โครงการนี้จัดทำเพื่อกลุ่มเป้าหมายของสมาชิกที่ชัดเจน คือเพื่อสมาชิกสหกรณ์ฯและประชาชนชาวไทยผู้ยากไร้ และข้าราชการบำนาญทุกหน่วยงานพร้อมด้วยประชาชนทั่วไป เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ สูงไม่เกิน 8 ชั้น สถานที่ก่อสร้างตั้งโครงการอยู่ ใน 77 จังหวัด จำนวน 800 unit ต่อโครงการ จำหน่ายราคาเริ่มต้น .8 ล้านบาท ถึง 2.5 ล้านบาท พื้นที่ ห้อง 30 ตารางเมตรถึง 60 ตารางเมตร และบริการฟรีให้กับผู้ด้อยโอกาสที่ขาดการดูแล อีก 20% สุทธิ การบริการนิติบุคคล ประกอบไปด้วย ศูนย์รักษาสุขภาพ และ นันทนาการ 20 กิจกรรม ให้บริการสำหรับผู้สูงวัย ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน และได้รับการสนับสนุนการประกอบกิจการในกิจการของรัฐ ตาม นโยบายของภาครัฐ ประจำปี 2558
    กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ออกหนังสือการสนับสนุน ที่ 4040/3149 และได้ทำหนังสือถึงสำนักงานการเคหะแห่งชาติ เลขที่ 4040/ 14323 เพื่อร่วมกันหาแนวทางการทำงานร่วมกันในการลงทุนในกิจการของรัฐภาคเอกชน พร้อมทั้งนี้กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้มอบคู่มือการวิธีการให้บริการ ตามนโยบายภาครัฐที่ได้มาตาฐานในการทำงาน ตาม พรบ.ส่งเสริมการลงทุน พร้อมรายชื่อประชาชนที่มีความต้องการจะอยู่อาศัยในโครงการของภาครัฐ ที่ลงทะเบียนไว้กับ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการทางสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และ สำนักงานกิจการ ที่อยู่ในการดูแลของ กรมกิจการผู้สูงอายุ ของประเทศไทย เชิญประชุมร่วมกัน ตามเอกสารแนบท้ายมานี้
    ดร. สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โดยมีผลงานในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยบริษัทฯ เป็นผู้ประกอบกิจการในจังหวัดนครปฐม และได้เล็งเห็นว่ารัฐบาลกำลังผลักดันและดำเนินโครงการประชารัฐด้านต่างๆเป็นจำนวนมาก บริษัทฯจึงมีความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเฉพาะด้านโดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย
    จึงเขียนโครงการ ซี่เนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน เพื่อลงทุนในกิจการของรัฐ ตาม พรบ.ส่งเสริมการลงทุน ปี 2558 และได้ร่วมประชุม ศึกษาหาแนวทางการลงทุนและขอสนับนุการลงทุนในกิจการของภาครัฐ 2558 ต่อ หน่วยงานของรัฐ ผ่านกรมกิจการผู้สูงวัย ผ่านท่าน อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุ ในเวลานั้น และได้รับหนังสือตอบรับตลอดจน รายชื่อผู้มีความประสงที่จะอยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว ซึงมีจำนวนมาก และได้ขอการสนับสนุนจำนวนสมาชิกที่สนใจต่อโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน ถึงสำนักงานสหกรณ์บริการต่างๆและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จังหวัดนครราชศรีมาและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพชรบูรณ์ ในพื้นที่ โครงการ เพื่อเป็นการวางแผนการอยู่อาศัย ในวัยชราที่สามารถฟื้นฟูคุณภาพชีวิตที่ดีถูกลักษณะการอยู่อาศัยที่ดี ตามนโยบายของรัฐบาล ปี 2558

    ลักษณะโครงการ ประกอบด้วย 3 ส่วน
    ส่วนที่ 1 เป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุ Active เปิดบริการจำนวน 350- 880 unit
    ส่วนที่ 2 เป็นที่พัก บริการผู้สูงอายุ เนอร์สซิ่งโฮม และศูนย์สุขภาพ
    ส่วนที่ 3 เป็น Compact จัดไว้ สำหรับผู้สูงอายุ Active สามารถรองรับ สมาชิกได้ถึง 800-1,600 คน

    บริหารการจัดการโดย ดร.สมัย เหมมั่น ผู้ได้รับนโยบายจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯกรมกิจการผู้สูงอายุ พร้อมคู่มือการบริการ ที่ทันสมัยและพร้อมให้บริการแบบมืออาชีพ ภาคเอกชนร่วมกันเปิดโครงการก่อสร้างบ้านเพื่อผู้สูงวัยหลังเกษียณอายุ ของสมาชิกครูและข้าราชการบำนาญ

    ตอบลบ

  2. จึงเขียนโครงการ ซี่เนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน เพื่อลงทุนในกิจการของรัฐ ตาม พรบ.ส่งเสริมการลงทุน ปี 2558 และได้ร่วมประชุม ศึกษาหาแนวทางการลงทุนและขอสนับนุการลงทุนในกิจการของภาครัฐ 2558 ต่อ หน่วยงานของรัฐ ผ่านกรมกิจการผู้สูงวัย ผ่านท่าน อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุ ในเวลานั้น และได้รับหนังสือตอบรับตลอดจน รายชื่อผู้มีความประสงที่จะอยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว ซึงมีจำนวนมาก และได้ขอการสนับสนุนจำนวนสมาชิกที่สนใจต่อโครงการ ซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐ ภาคเอกชน ถึงสำนักงานสหกรณ์บริการต่างๆและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จังหวัดนครราชศรีมาและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพชรบูรณ์ ในพื้นที่ โครงการ เพื่อเป็นการวางแผนการอยู่อาศัย ในวัยชราที่สามารถฟื้นฟูคุณภาพชีวิตที่ดีถูกลักษณะการอยู่อาศัยที่ดี ตามนโยบายของรัฐบาล ปี 2558

    ลักษณะโครงการ ประกอบด้วย 3 ส่วน
    ส่วนที่ 1 เป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุ Active เปิดบริการจำนวน 350- 880 unit
    ส่วนที่ 2 เป็นที่พัก บริการผู้สูงอายุ เนอร์สซิ่งโฮม และศูนย์สุขภาพ
    ส่วนที่ 3 เป็น Compact จัดไว้ สำหรับผู้สูงอายุ Active สามารถรองรับ สมาชิกได้ถึง 800-1,600 คน

    บริหารการจัดการโดย ดร.สมัย เหมมั่น ผู้ได้รับนโยบายจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯกรมกิจการผู้สูงอายุ พร้อมคู่มือการบริการ ที่ทันสมัยและพร้อมให้บริการแบบมืออาชีพ ภาคเอกชนร่วมกันเปิดโครงการก่อสร้างบ้านเพื่อผู้สูงวัยหลังเกษียณอายุ ของสมาชิกครูและข้าราชการบำนาญ
    การจัดการโครงการมีการลงทุนการก่อสร้างมีหลักการคัดเลือกสรรหาที่ดินในการก่อสร้างดังนี้
    1.การใช้พื้นที่ของรัฐบาลโดยการ ขอใช้พื้นที่ของรัฐบาลผ่าน กรม ธนารักษ์,ที่ดินราชพัสดุ,ที่ดินของหน่วยงาน กรมป่าไม้ เพื่อการเช่าระยะยาวทำโครงการ
    2.การใช้พื้นที่ ของสำนักงานการเคหะแห่งชาติหรือ พื้นที่นิติบุคคล เช่น สหกรณ์บริการต่างๆหรือสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยการขอจัดซื้อระหว่างหน่วยงานโดยการทำข้อตำลงต่างๆร่วมกัน
    3.การใช้ที่ดิน ของเอกชนโดยการจัดซื้อที่ดินทำโครงการดังกล่าว
    แผนงานการก่อสร้าง แบ่งเป็น 5 ระยะ
    ระยะที่ 1 แผนงาน สร้างโมเดล โครงการ 6 จังหวัด ดังนี้
    1.จังหวัดราชบุรี จำนวน 880 หน่วย ตำบล หินกอง อำเภอ เมือง จังหวัด ราชบุรี (โครงการซีเนี่ยร์คอทเพล็กซ์ประชารัฐ ภาคเอกชน เมืองราชบุรี ไทยเพิ่มสุข ) บริหารงานการก่อสร้างโดย บริษัท บัลลังค์สรณ์ (1) จำกัด โดย ดร.สมัย เหมมั่น ประธานโครงการและกรรมการบริหารฯและนาง เพ็ญศิริ อมาตยกุล กรรมการบริหารบริษัทฯ มายโอโซไทยเพิ่มสุข
    2.จังหวัด เพชรบูรณ์ จำนวน 800 หน่วย อำเภอ หล่มสัก , อำเภอ หล่มเก่า , อำเภอ เขาค้อ จังหวัด เพชรบูรณ์ (ซีเนี่ยร์คอมเพล็ก เพื่อสมาชิก สหกรณ์ ฯข้าราชการและประชาชนทั่วไป) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
    3.จังหวัดนครปฐม จำนวน 350 หน่วย ตำบลท่าตำหนัก อำเภอ นครชัยศรี จังหวัด นครปฐม (มายโอโซนไทยเพิ่มสุข) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน
    4.จังหวัด ระนอง จำนวน 800 หน่วย ตำบล หงาว อำเภอ เมือง จังหวัด ระนอง (มายโอโซนไทยเพิ่มสุข) ) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท ระนองเพิ่มสุข จำกัด มาร่วมทุน
    5.จังหวัด นนทบุรี จำนวน 800 หน่วย ตำบลบางแม่นาง , อำเภอ บางใหญ่ จังหวัด นนทบุรี (วิลเลคโอโซนไทยเพิ่มสุข) ) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน
    6.จังหวัด สระบุรี จำนวน 880 หน่วย อำเภอ แก่งคอย , อำเภอ หน้าพระลาน จังหวัด สระบุรี(มายโอโซนเพิ่มสุข ) ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คัดเลือกบริษัท มาร่วมทุน


    ระยะที่ 2 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 18 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    ระยะที่ 3 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 18 จังหวัด ภาคเหนือ
    ระยะที่ 4 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 18 จังหวัด ภาคกลาง
    ระยะที่ 5 แผนงาน สร้างเชิงรุก โครงการ 16 จังหวัด ภาคใต้

    ดร.สมัย เหมมั่น เป็นผู้ประกอบกิจการในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โดยมีผลงานในการก่อสร้าง และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากด้วยประสบการณ์ ดำเนินการพัฒนาโครงการเพื่อผู้สูงวัยพร้อมให้การบริการเป็นอย่างดีและทั่วถึงในการให้บริการ

    ดร.สมัย เหมมั่น
    ประธานโครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ประชารัฐภาคเอกชน

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น